408916673_714998307495037_8166729074156608657_n

”ด๊ะดาดศาสตร์ศิลป์แผ่นดินสยาม“ งานศิลปวัฒนธรรมอุดมศึกษา ครั้งที่ ๒๒

วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๐๐ น.
อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มอบหมายให้ อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม อาจารย์จุรีรัตน ทวยสม รองผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม พร้อมด้วยอาจารย์ปุญชรัศมิ์ วรก้องกิจไพศาล อาจารย์ศุทธินี สมศรี และนักศึกษาสาขาวิชาศิลปะการแสดง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ร่วมกับสำนึกศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เข้าร่วมแสดงพิธีเปิดด๊ะดาด ศาสตร์ศิลป์ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ชุดสดุดีจักรีวงศ์ทรงทศสมัย ประดิษฐ์ท่ารำโดย ดร.รัจนา พวงประยงค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย-ละคร) ปี พศ.๒๕๔๕
📌📌📌ซึ่งกิจกรรมภายในงานได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวตอนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน และได้รับเกียรติจาก นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานศิลปวัฒนธรรมอุดมศึกษา ครั้งที่ ๒๒ ”ด๊ะดาดศาสตร์ศิลป์แผ่นดินสยาม“
📌📌📌
วันเสาร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้รับมอบหมายให้นำชุดการแสดง ร่วมงาน ด๊ะดาด ศาสตร์ศิลป์แผ่นดินสยาม งานศิลปวัฒนธรรมอุดมศึกษาครั้งที่ ๒๒ ณ มรภ.นครราชสีมา
การแสดงชุด ผ้าสามกษัตริย์ เป็นการทอผ้าพื้นเมืองที่มีการสืบทอดมายาวนาน เก่าแก่ของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง ขิด(หรือจก) มัดหมี่ และการทอระหว่างฝ้ายสลับกับไหมจะพบมากในอุดรธานี ผ้าลายสามกษัตริย์เกิดจากการนำเอาวัตถุดิบ 3 ชนิด มาก่อให้เป็นผ้าผืนเดียวกัน คือ ไหม ด้าย ฝ้าย และยังแบ่งตามลักษณะทอมีอยู่ 3 ประเภท คือ ผ้าพื้น ผ้าลาย และผ้ายกดอก เป็นการทอผ้าที่มีกระบวนการที่ซับซ้อนประณีตเป็นผ้าทอมือลวดลายวิจิตรงดงามที่สวยงามและมีคนที่สามารถทอลายนี้ได้น้อยมากในปัจจุบัน มีคุณค่าเชิงวัฒนธรรม เป็นลายที่สืบทอดมาแต่โบราณ เรียกว่า “ลายสามกษัตริย์” คือ การทอสลับลายขิด ลายมัดหมี่ และการทอแทรกด้วยดิ้นเงิน ดิ้นทอง ในการแสดงชุดนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการอนุรักษ์ ส่งเสริม ผ้าลายสามกษัตริย์ของจังหวัดอุดรธานี มีรูปแบบการฟ้อนรำสื่อให้เห็นถึงความงดงามของผ้า และลายผ้าสามกษัตริย์ โดยใช้ ผ้าขิดลายหมากฝ้ายพิกุล ดอกแก้ว ผ้ามัดหมี่ ลายนาคชูสน ซึ่งเป็นการทอผ้าขึ้นใหม่ที่ใช้ในการแสดงชุดนี้โดยเฉพาะ มีแนวคิดการใช้สีของผ้าสื่อความหมายดังนี้
.สีเหลืองทอง หมายถึง การเทิดไท้องค์ราชา รัชกาลที่ 10 ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา บารมีต่อชาวอุดรธานี
.สีม่วงชมพู หมายถึง การเทิดไท้องค์ราชินี ในรัชกาลที่ 10 ผู้ทรงสืบสานงานผ้าทอมือของชาวไทย
สีครามเงิน หมายถึง ชาวอุดรธานีผู้น้อมนำพระราชปณิธานของทั้ง 2 พระองค์ ในการอนุรักษ์สืบสานผ้าไทยให้คงไว้สืบไป
.คณะผู้สร้างสรรค์
1.อ.ปิ่นเกศ วัชรปาณ ผู้สร้างสรรค์ท่ารำ
2.อ.มนตรี วงระคร ผู้ประพันธ์เพลง
3.ผศ.ภิภพ ปิ่นแก้ว ผู้เรียบเรียงดนตรี
4.นายอภิชาติ พลบัวไข ผู้ใหญ่บ้านโนนกอก จ.อุดรธานี ผู้สร้างสรรค์ลายผ้าสามกษัตริย์
การแสดงชุด”อารยะนครอุดรเมืองงาม” เป็นการแสดงที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก คำขวัญของจังหวัดอุดรธานี ที่กล่าวว่า กรมหลวงประจักษ์สร้างเมือง ลือเลื่องแหล่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด ธรรมชาติเนรมิตทะเลบัวแดง แรงศรัทธาศรีสุทโธปทุมมาคำชะโนด การแสดงชุดอารยะนครอุดรเมืองงาม เป็นการโชว์วัฒนธรรมที่สื่อให้เห็นถึงบุคคลสำคัญ วิถีชีวิต สถานที่ท่องเที่ยว และแรงศัทธาของชาวจังหวัดอุดรธานี ซึ่งนับว่าเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้มาเที่ยวเมืองอุดรธานีเป็นการยกระดับเศรษฐกิจทางวัฒนธรรมให้มั่นคงแข็งแรง ผ่านการแสดงชุด อารยะนครอุดรเมืองงาม
.
สามารถติดตามข้อมูลตารางการเเสดงได้ทางเว็บไซต์ : www.sinudom22korat.com
.
ขอขอบคุณท่านอธิการบดี ผู้บริหาร คณาจารย์และนักศึกษา สาขาวิชานาฏศิลป์ศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ขอบคุณผู้บริหาร คณาจารย์และนักศึกษาสาขาศืลปะการแสดง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มรภ.อุดรธานี ที่ให้การสนับสนุนนำชุดการแสดงเข้าร่วมในครั้งนี้ ขอบคุณเจ้าภาพ สำนักศิลปะและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
“อารยะนครอุดรเมืองงาม”
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
โดย อาจารย์ปุญชรัศมิ์ วรก้องกิจไพศาล สาขาศิลปะการแสดง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
การแสดงชุดอารยะนครอุดรเมืองงาม เป็นการแสดงที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก คำขวัญของจังหวัดอุดรธานี ที่กล่าวว่า กรมหลวงประจักษ์สร้างเมือง ลือเลื่องแหล่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด ธรรมชาติเนรมิตทะเลบัวแดง แรงศรัทธาศรีสุทโธปทุมมาคำชะโนด การแสดงชุดอารยะนครอุดรเมืองงาม เป็นการโชว์วัฒนธรรมที่สื่อให้เห็นถึงบุคคลสำคัญ วิถีชีวิต สถานที่ท่องเที่ยว และแรงศัทธาของชาวจังหวัดอุดรธานี ซึ่งนับว่าเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้มาเที่ยวเมืองอุดรธานีเป็นการยกระดับเศรษฐกิจทางวัฒนธรรมให้มั่นคงแข็งแรง ผ่านการแสดงชุด อารยะนครอุดรเมืองงาม
วันเสาร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลาการแสดง ๑๔.๓๐-๑๔.๔๐ น.
ณ ฮอลล์ ๒ ชั้น ๔ เซ็นทรัลโคราช
“ผ้าสามกษัตริย์ ”
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
ผลงานของอ.ปิ่นเกศ วัชรปาณ อาจารย์สาขานาฏศิลป์ศึกษา คณะครุศาสตร์
แต่งเพลงโดย อ.มนตรี วงระคร
ประพันธ์ดนตรีโดย ผศ.ภิภพ ปิ่นแก้ว
และสนับสนุนการทอผ้าสามกษัตริย์ โดยผู้ใหญ่บ้านโนนกอก
ผ้าสามกษัตริย์ เป็นการทอผ้าพื้นเมืองที่มีการสืบทอดมายาวนาน เก่าแก่ของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง ขิด(หรือจก) มัดหมี่ และการทอระหว่างฝ้ายสลับกับไหมจะพบมากในอุดรธานี ผ้าลายสามกษัตริย์เกิดจากการนำเอาวัตถุดิบ 3 ชนิด มาก่อให้เป็นผ้าผืนเดียวกัน คือ ไหม ด้าย ฝ้าย และยังแบ่งตามลักษณะทอมีอยู่ 3 ประเภท คือ ผ้าพื้น ผ้าลาย และผ้ายกดอก เป็นการทอผ้าที่มีกระบวนการที่ซับซ้อนประณีตเป็นผ้าทอมือลวดลายวิจิตรงดงามที่สวยงามและมีคนที่สามารถทอลายนี้ได้น้อยมากในปัจจุบัน มีคุณค่าเชิงวัฒนธรรม เป็นลายที่สืบทอดมาแต่โบราณ เรียกว่า “ลายสามกษัตริย์” คือ การทอสลับลายขิด ลายมัดหมี่ และการทอแทรกด้วยดิ้นเงิน ดิ้นทอง
.
ในการแสดงชุดนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการอนุรักษ์ ส่งเสริม ผ้าลายสามกษัตริย์ของจังหวัดอุดรธานี มีรูปแบบการฟ้อนรำสื่อให้เห็นถึงความงดงามของผ้า และลายผ้าสามกษัตริย์ โดยใช้ ผ้าขิดลายหมากฝ้ายพิกุล ดอกแก้ว ผ้ามัดหมี่ ลายนาคชูสน ซึ่งเป็นการทอผ้าขึ้นใหม่ที่ใช้ในการแสดงชุดนี้โดยเฉพาะ มีแนวคิดการใช้สีของผ้าสื่อความหมายดังนี้
.
สีเหลืองทอง หมายถึง การเทิดไท้องค์ราชา รัชกาลที่ 10 ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา บารมีต่อชาวอุดรธานี
.
สีม่วงชมพู หมายถึง การเทิดไท้องค์ราชินี ในรัชกาลที่ 10 ผู้ทรงสืบสานงานผ้าทอมือของชาวไทย
สีครามเงิน หมายถึง ชาวอุดรธานีผู้น้อมนำพระราชปณิธานของทั้ง 2 พระองค์ ในการอนุรักษ์สืบสานผ้าไทยให้คงไว้สืบไป
วันเสาร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลาการแสดง ๑๕.๑๐-๑๕.๒๐ น.
ณ ฮอลล์ ๒ ชั้น ๔ เซ็นทรัลโคราช
428619515_847868577142817_2579720712416279229_n

โครงการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะ ประจำปี ๒๕๖๗

อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้รับมอบหมายเข้าร่วมพิธี โครงการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะ ประจำปี ๒๕๖๗ และร่วมเป็นคณะกรรมการ ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องประชุม อาคารสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี นางคณิตา ราษฎร์นุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวเปิด โครงการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะและการประกวดบรรยายธรรม ระดับจังหวัด ประจำปี 2567
นายธีทัต พิมพา วัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการการดำเนินงาน กล่าวรายงานว่ากรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี จัดการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะและบรรยายธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนและครูมีการสวดมนต์ไหว้พระทั้งโรงเรียน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน และได้รับการพัฒนาการสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะในรูปแบบที่ถูกต้อง รวมทั้งเป็นการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมในเด็กและเยาวชนให้เป็นคนดีในสังคม นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ได้ฝึกฝนทักษะการพูดต่อที่ชุมชน และฝึกปฏิบัติมารยาทไทยใน ศาสนพิธี และเพื่อคัดเลือกตัวแทนเข้าร่วมประกวดระดับภาคคณะสงฆ์จังหวัดอุดรธานี
โดยแบ่งการประกวดออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา/อาชีวศึกษา (ปวช.) มีโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมการประกวดทั้งสิ้น 88 ทีม ประกอบด้วย ระดับประถมศึกษา 40 ทีม (ทีมชาย 9 ทีม ทีมหญิง 31 ทีม) และระดับมัธยมศึกษา 48 ทีม (ทีมชาย 14 ทีม หญิง 34 ทีม) ซึ่งจะคัดเลือกตัวแทนระดับจังหวัด จำนวน 12 ทีม ประถมศึกษา 6 ทีม และมัธยมศึกษา 6 ทีม เพื่อประกวดในระดับภาคคณะสงฆ์ ต่อไป ส่วนการประกวดบรรยายธรรม แยกเป็น 4 ช่วงชั้น คัดเลือกตัวแทนจังหวัดเข้าร่วมประกวดระดับภาค ช่วงชั้นละ 3 คน รวม 12 คน มีผู้สมัครเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น จำนวน 66 คน ในการประกวดครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ให้ความอนุเคราะห์ใช้สถานที่ เป็นวิทยากรบรรยาย และเป็นคณะกรรมการในการจัดประกวด
428475417_712772314384303_4528661727582425910_n

ประชุมพิจารณาแผนงานสนับสนุนการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival ประจำปี 2567

ประชุมพิจารณาแผนงานสนับสนุนการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival ประจำปี ๒๕๖๗
วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. อธิการบดี มอบหมายให้ อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เข้าร่วมประชุมพิจารณาแผนงานสนับสนุนการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival และงานสงกรานต์จังหวัดอุดรธานี ประจำปี ๒๕๖๗ โดยมี นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุม นางคณิตา ราษฎร์นุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ชั้น ๕ อาคาร ๑ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี
โดยเรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบคือ จังหวัดอุดรธานีมีมติจัดงานมหาสงกรานต์ประจำปี ๒๕๖๗ ระหว่างวันที่ ๑๓ -๑๖เมษายน ๒๕๖๗ ณ ทุ่งศรีเมืองจังหวัดอุดรธานี และบริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม อำเภอเมืองจังหวัดอุดรธานี โดยมีกิจกรรมดังนี้
๑. การอัญเชิญพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิในจังหวัดอุดรธานีและในเขตเทศบาลนครอุดรธานีมาประดิษฐานเพื่อความสิริมงคลและสรงน้ำที่เดียวกัน
๒. การจัดขบวนแห่รถบุพชาติจำนวน ๒๘ ขบวน ประกอบด้วย อำเภอต่างๆ ๒๐ ขบวน องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ๑ ขบวน เทศบาลเทศบาลนครอุดรธานี ๕ ขบวน วัฒนธรรมจีน ๑ ขบวน วัฒนธรรมเวียดนาม ๑ ขบวน
๓. กิจกรรมการลดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุโดยกำหนดที่ ๗๕ ปีขึ้นไป
๔. จัดให้มีโซนเล่นน้ำบริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม
๕. การแสดงศิลปวัฒนธรรม
๖. กิจกรรมทำบุญตักบาตร
๗. การละเล่นพื้นเมือง
๘. การประกวดนางสงกรานต์และหนูน้อยสงกรานต์
๙. การจัดจัดแสดงสาธิตและจำหน่ายสินค้า
๑๐. การนำคู่สมรสชาวต่างชาติมาร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์งานสงกรานต์ของไทย
๑๑. การเสวนางานสงกรานต์เพื่อให้ความรู้และถ่ายทอดความเป็นมาของสงกรานต์
ทั้งนี้ จังหวัดอุดรธานีได้มอบหมายให้พัฒนาการจังหวัดอุดรธานี จัดทำกางเกงประจำจังหวัดอุดรธานีขึ้น ลายไหโบราณบ้านเชียง เพื่อรณรงค์ให้เป็นกางเกงประจำจังหวัดอุดรธานี
22

ร่วมทำบุญงานประเพณีบุญมหาชาติ (พระเวสสันดร) ประจำปี 2567

สำนักศิลปะและวัฒนธรรม ขอเชิญทุกท่านร่วมทำบุญงานประเพณีบุญมหาชาติ (พระเวสสันดร) ประจำปี 2567 ณ วัดโนนสว่าง ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ระหว่างวันที่ 17 ถึง 18 กุมภาพันธ์ 2567

เดือนสี่ บุญผะเหวด

“บุญผะเหวด” เป็นสําเนียงชาวอีสานที่มาจากคําว่า “บุญพระเวส”หรือพระเวสสันดร เป็นประเพณีตามคติความเชื่อของชาวอีสานที่ว่า หากผู้ใดได้ฟัง เทศน์เรื่องพระเวสสันดรทั้ง 13 กัณฑ์จบภายในวันเดียว จะได้เกิดร่วมชาติภพกับพระศรีอริยเมตไตย บุญผะเหวดนี้จะทําติดต่อกันสามวัน วันแรกจัดเตรียมสถานที่ตกแต่ง ศาลาการเปรียญวันที่สองเป็นวันเฉลิมฉลองพระเวสสันดร ชาวบ้านร่วมทั้งพระภิกษุสงฆ์จากหมู่บ้านใกล้เคียงจะมา ร่วมพิธีมีทั้งการจัดขบวนแห่เครื่องไทยทานฟังเทศน์และแห่พระเวส โดยการแห่ผ้าผะเหวด (ผ้าผืนยาวเขียนภาพเล่าเรื่องพระเวสสันดร) ซึ่งสมมติเป็น การแห่พระเวสสันดรเข้าสู่เมือง เมื่อถึงเวลาค่ำจะมีเทศน์เรื่องพระมาลัย ส่วนวันที่สามเป็นงานบุญพิธี ชาวบ้านจะร่วมกันตักบาตรข้าวพันก้อน พิธีจะมี ไปจนค่ำ ชาวบ้านจะแห่แหน ฟ้อนรําตั้งขบวนเรียงรายตั้งกัณฑ์มาถวายอานิสงฆ์อีกกัณฑ์หนึ่ง จึงเสร็จพิธมูลเหตุของพิธีกรรมพระสงฆ์จะเทศน์เรื่อง เวสสันดรชาดกจนจบและเทศน์ จากเรื่องในหนังสือมาไลยหมื่นมาไลยแสนกล่าวว่า ครั้งหนึ่งพระมาลัยเถระได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุเกษแก้วจุฬามณี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และได้พบปะสนทนากับพระศรีอริยเมนไตย ผู้ที่จะมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตและพระศรีอริยเมตไตยได้สั่งความมากับ พระมาลัยว่า “ถ้ามนุษย์อยากจะพบและร่วมเกิดในศาสนาของพระองค์แล้วจะต้องปฏิบัติตนดังต่อไปนี้คือ”

1. จงอย่าฆ่าพ่อตีแม่ สมณพราหมณ์
2. จงอย่าทําร้ายพระพุทธเจ้า และยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน
3. ให้ตั้งใจฟังเทศน์เรื่อง พระเวสสันดรให้จบในวันเดียวด้วยเหตุ ที่ชาวอีสานต้องการจะได้พบพระศรีอริยเมตไตยและเกิดร่วมศาสนาของพระองค์จึง มีการทําบุญผะเหวด ซึ่งเป็นประจําทุกปี

ที่มา : https://cac.kku.ac.th/heet12_kong14/phawed.html

OACH0050

ไซ (งานจักสาน) OACH0050

ชื่อวัตถุ : ไซ

แบบศิลปะ : หัตถกรรมจักสาน

ลักษณะ : เครื่องดักหรือจับสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง ปลา สานด้วยไม้ไผ่เป็นซี่ถี่ๆ รูปร่างต่างๆ กัน ด้านหน้ามีงาสำหรับให้กุ้งหรือปูปลาเล็กๆ เข้า ไชใช้ดักตามทางน้ำไหลที่น้ำไม่ลึกนัก (วิบูลย์ ลี้สุวรรณ.2553. หน้า 197)

สภาพ : งาไซสูญหายไป

ขนาด : เส้นรอบวง (เส้นรอบวง) 24 cm ยาว 48 cm

ชนิด : วัสดุไม้ไผ่

ประวัติ :  –

สถานที่เก็บ : ห้องเก็บของในการจัดนิทรรศการ ชั้น 1 สำนักศิลปะและวัฒนธรรม

เลขวัตถุ : OACH0050/2566

OACH0050

เลขภาพ OACH0050

ถ่ายเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2566

OACH0049

ชงโลง หรือโพงวิดน้ำ (งานจักสาน) OACH0049

ชื่อวัตถุ : ชงโลง หรือโพงวิดน้ำ

แบบศิลปะ : หัตถกรรมจักสาน

ลักษณะ : เครื่องวิดน้ำโดยการโพงน้ำจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง สานด้วยไม้ไผ่หรือทำด้วยไม้จริง รูปร่างคล้ายช้อน ชงโลงไม้ไผ่สานทึบแล้วยาด้วยชันหรือทาน้ำมันยางเพื่อไม่ให้น้ำรั่ว ด้ามชงโลงเป็นไม้ยาวเพื่อใช้รดน้ำผักผลไม้ (วิบูลย์ ลี้สุวรรณ.2553. หน้า 176) ขนาดเล็กแบบจำลอง

สภาพ : โครงส่วนด้านหน้าหลุดสูญหาย มีเศษกระดาษกาวติดด้านหลังชงโลง

ขนาด : กว้าง 11 cm ยาว 20.5 (ตัวชงโลง) ยาว 33.5 cm (จากตัวชงโลงถึงปลายด้ามจับ)

ชนิด : วัสดุไม้ไผ่

ประวัติ :  –

สถานที่เก็บ : ห้องเก็บของในการจัดนิทรรศการ ชั้น 1 สำนักศิลปะและวัฒนธรรม

เลขวัตถุ : OACH0049/2566

OACH0049

เลขภาพ OACH0049

ถ่ายเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2566

427956365_707853081542893_2713032926408709889_n

ร่วมเซ็น MOU กับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และสภาศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาราชภัฏแห่งประเทศไทย

สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วม เซ็น MOU กับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และสภาศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาราชภัฏแห่งประเทศไทย
วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีและ อาจารย์จุรีรัตน์ ทวยสม รองผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ร่วมประชุมเครือข่ายสภาศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทยครั้งที่ ๓ “โม โฮบบาย จุมคะเนีย”
โดยมี นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฉลอง สุขทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ กล่าวต้อนรับประธานและเครือข่ายสภาศิลปะและวัฒนธรรมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ ๓๘ แห่งทั่วประเทศ และ ดร.ทวิพัฒน์ วิจิตรปัญญารักษ์ ประธานสภาศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดการประชุม
และพิธีลงนาม (MOU) ความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรม ระหว่าง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กับสภาศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาราชภัฏแห่งประเทศไทย ๓๘ แห่ง เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการดำเนินงานทางด้านศิลปวัฒนธรรม สนับสนุนพันธกิจทางวิชาการด้านการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมของท้องถิ่น โดยอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้มอบรางวัล “ ราชภัฏคุณากร” และ มอบรางวัลปราชญ์ท้องถิ่น “ภูมิราชภัฏ” และร่วมเสวนา”การยกระดับSoft Power อาหาร พื้นบ้าน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเเละเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ณ ห้อง Hall ๑ โรงแรมบีลีฟ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
ภาคค่ำ ร่วมพิธีเปิดงานเทศกาลการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติ ประจำประเทศไทย ครั้งที่ ๒ (Thailand 2nd Cultural Exchange Festival : Thailand – CEF) โดยโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานในพืธี
วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๐๐ น.
ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา (สวนใหม่) จังหวัดสุรินทร์
425531911_7744830472193693_6887621303846158149_n

ลวดลายประทับดินเผาบ้านเชียง : บูรณาการสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์

โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กนิษฐา เรืองวรรณศักดิ์

“สืบเส้นใย สานภูมิปัญญาบ้านเชียง” วันที่ 9-11 กุมภาพันธ์ 2567 ณ พื้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ในงานมรดกโลกบ้านเชียง ประจำปี 2567
….
ลูกกลิ้งและตราประทับดินเผา เป็นโบราณวัตถุที่อยู่ในช่วงสมัยปลาย (Late Period) มีอายุระหว่าง 2,300-1,800 ปีมาแล้ว ประโยชน์การใช้สอยของลูกกลิ้งและตราประทับดินเผายังขาดหลักฐานที่ชัดเจน พิสิฐ เจริญวงศ์ (2530, หน้า 28 และ 35), สุจิตต์ วงษ์เทศ (2530, หน้า 26), Armand J. Labbe (2002, p47-50), Joyce C. White (1952, p75-76) และวิบูลย์ ลี้สุวรรณ (2531, หน้า 2-8) มีข้อสันนิษฐานที่สอดคล้องกันว่า ลูกกลิ้งดินเผาบ้านเชียงใช้กลิ้งลายบนภาชนะดินเผา แต่เพราะลวดลายบนภาชนะดินเผาบ้านเชียงสมัยปลายเป็นลวดลายที่เกิดจากการเขียนด้วยพู่กัน และไม่ปรากฎลวดลายบนภาชนะดินเผาที่เกิดจากลายของลูกกลิ้ง อีกทั้งรูปร่างขนาดใหญ่ของลูกกลิ้งไม่สามารถใช้กลิ้งหรือพิมพ์ลวดลายบนภาชนะดินเผาได้ จึงเกิดสมมติฐานที่ว่าเป็นเครื่องมือกลิ้งลวดลายบนผืนผ้า
👉ลักษณะลูกกลิ้งและตราประทับดินเผาเป็นโบราณวัตถุขนาดเล็กที่มี 2 รูปทรง คือ รูปทรงกระบอกที่ตัวลูกกลิ้งมีการแกะ ขูด ขีดให้เป็นร่องหรือรอยนูน มีแกนกลางที่ใช้ในการสอดเชือก หรือไม้ในการกลิ้งให้เกิดลวดลายบนวัตถุอื่น และรูปทรงแบนเป็นแผ่นดินเผามีทั้งรูปทรงสี่เหลี่ยม ทรงกลม ครึ่งวงกลม ตกแต่งแผ่นดินเผาด้านหน้าด้วยการแกะสลัก ขูด ขีดให้เป็นร่องหรือรอยนูนเช่นเดียวกับลูกกลิ้งทรงกระบอกและมีด้ามจับที่บริเวณด้านหลังเพื่อใช้สำหรับประทับบนวัตถุอื่นในการสร้างลวดลาย
👉ประโยชน์จากข้อสันนิษฐานสามารถแบ่งเชิงพฤติกรรมได้ 2 ข้อ คือ
1. ความเชื่อของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ ใช้ในการประกอบพิธีกรรม โดยเฉพาะในประเพณีที่เกี่ยวกับความตาย หรือที่เรียกว่าประเพณีปลงศพที่จะนำเครื่องมือ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันไปฝังรวมกับศพผู้ตายด้วย เช่น เครื่องมือหิน เครื่องปั้นดินเผา ภาชนะต่าง ๆ เครื่องประดับ เครื่องมือเครื่องใช้โลหะ และลูกกลิ้งดินเผา สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานที่ว่าประโยชน์ของลูกกลิ้งใช้ในการประกอบพิธีกรรมด้วยการฝังร่วมกับศพผู้ตาย และเป็นอุปกรณ์ของพ่อมดหมอผีในยุคสมัยนั้น
2. ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบต่าง ๆ ในรูปของงานหัตถกรรม จากข้อสันนิษฐานที่ชัดเจนคือใช้ประกอบการตกแต่งลวดลายบนผ้า หรือบนภาชนะดินเผา ในรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการตกแต่ง เช่น เครื่องรางของขลัง และเครื่องประดับ จากการศึกษาข้อมูลนักโบราณคดีและนักวิชาการส่วนมาก เชื่อว่าลูกกลิ้งและตราประทับดินเผาบ้านเชียงใช้ในการพิมพ์ลวดลายบนผ้า หลักฐานจากการพบเศษผ้าและมีแนวโน้มว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด ทั้งนี้เพราะลูกกลิ้งและตราประทับดินเผาบ้านเชียงจำนวนมากขุดพบในยุคปลาย 2,300-1,800 ปี ยุคเดียวกับการเขียนสีบนเครื่องปั้นดินเผา
👉ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานที่ว่า “คนยุคก่อนประวัติศาสตร์บ้านเชียงรู้จักการสร้างสรรค์ลวดลายที่วิจิตรบนภาชนะดินเผาที่เป็นเครื่องใช้ ดังนั้นเครื่องแต่งกายที่ตกแต่งร่างกายคนในสมัยนั้นน่าจะมีการสร้างสรรค์ลวดลายที่วิจิตร สวยงามเช่นเดียวกัน”
…….
ข้อมูลเพิ่มเติม : อ่านได้ใน E-book แสดงงานที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง งานมรดกโลก 2567 นี้นะจ๊ะ❤😘
…..
งานวิจัยปี 2558 ลวดลายประทับดินเผาบ้านเชียง : บูรณาการสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์
และต่อยอดงานวิจัยปี 2561 สัมพันธภาพระหว่างลวดลายประทับดินเผาบ้านเชียงกับลายมงคลสมัยนิยม สู่งานออกแบบผลิตภัณฑ์ชุมชนในจังหวัดอุดรธานี (ผศ.ดร.กนิษฐา เรืองวรรณศักดิ์)
ที่มา : https://www.facebook.com/kanit.rungwannasak?locale=th_TH
426145709_706150225046512_1222529154504945718_n

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียงประจำปี พ.ศ.๒๕๖๗

วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๖.๐๐ น. อธิการบดี มอบหมายให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อิทธิพล สิงห์คำ รองอธิการบดี พร้อมด้วย อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม อาจารย์จุรีรัตน์ ทวยสม รองผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม เข้าร่วมพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียงภายใต้โครงการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว กิจกรรมหลัก การส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียง ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๗

ในช่วงเช้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีบวงสรวงปู่ขุนเชียงสวัสดิ์และเปิดนิทรรศการพิเศษเนื่องในงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียง โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานในพิธีบวงสรวง พร้อมกล่าวเปิดนิทรรศการพิเศษฯ นายสมศักดิ์ แสนอินทร์ นายอำเภอหนองหาน กล่าวให้การต้อนรับ นายวิเชต ลิ้มภักดี ผอ.ศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น กล่าวรายงานวัตุประสงค์การจัดงาน หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน เข้าร่วม ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี

งานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียง ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ พ.ศ.2543 สืบเนื่องมาจาก อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี เป็นที่ตั้งของแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม 1 ใน 3 แห่งของประเทศไทย จังหวัดอุดรธานี หน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียง เพื่อเฉลิมฉลองและเผยแพร่ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีของแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อันเป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นพัฒนาการของการตั้งถิ่นฐานการเกษตรกรรม วัฒนธรรมการฝังศพ และศิลปะอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญในระดับนานาชาติ อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกโลกบ้านเชียงให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่มรดกโลก

วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เวลา ๑๖.๐๐ น. อธิการบดี มอบหมายให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อิทธิพล สิงห์คำ รองอธิการบดี พร้อมด้วย อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม อาจารย์จุรีรัตน์ ทวยสม รองผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม เข้าร่วมพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียงภายใต้โครงการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยว กิจกรรมหลัก การส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียง ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๗ โดยมี นายสุรพล เกียรติไชยากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีฯ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ฯ นายธีทัต พิมพา วัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี นายสมศักดิ์ แสนอินทร์ นายอำเภอหนองหาน พันตรีสุเมธ คำพิมาน นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเชียง นายอำนาจ ผการัตน์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ลานวัฒนธรรม ชุมชนคุณธรรมบ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
การจัดงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียงในปีนี้ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ กิจกรรมภายในงานมีดังนี้
๑. การจัดพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษชาวบ้านเชียงและปู่ขุนเชียงสวัสดิ์
๒. การจัดขบวนแห่วิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณี
๓. การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม “ ตำนานวิถีชีวิตมรดกโลกบ้านเชียง”
๔. การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น การจัดการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
๕. การแสดง “วิถีคนวิถีควาย”
๖. การจัดนิทรรศการวิชาการในหัวข้อ “ สืบเส้นใยผ้า สานภูมิปัญญาท้องถิ่น”
๗. การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยและผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมถึงการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นและการแสดงดนตรีพื้นบ้าน
CR.Jirasak SC