453079543_806224681705732_8259583186477370176_n

รวมพลังสร้างสัปปายะสู่วัดด้วยวิถี ๕ส (Bg Cleaning Da)

วันศุกร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมกิจกรรม
“รวมพลังสร้างสัปปายะสู่วัดด้วยวิถี ๕ส (Bg Cleaning Da)”
อธิการ มอบหมายให้ อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมกิจกรรม
“รวมพลังสร้างสัปปายะสู่วัดด้วยวิถี ๕ส (Big Cleaning Day)” พร้อมด้วยพิธีเจริญพระพุทธมนด์ และบำเพ็ญจิตตภาวภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ประธานในพิธีโดบ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ร่วมกิจกรรม ในวันศุกร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ วัดโพธิสมภรณ์ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดอุดรธานี
452705991_805731005088433_8201211774307075190_n

ประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมคุณธรรมจังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗

วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๗ เวลา ๑๓.๓๐ น.
อธิการบดี มอบหมายให้ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมคุณธรรมจังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เพื่อทราบการดำเนินงานขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติระยะที่ ๒ ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๗
นางคณิตา ราษฎร์นุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมคุณธรรมจังหวัดอุดรธานี ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗
เพื่อทราบการดำเนินงานขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติระยะที่ ๒ ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๗ , การคัดเลือกคนดีศรีจังหวัด , งานสมัชชาคุณธรรมและการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ , การประชุมเสริมหนุนกลไกเครือข่ายทางสังคม , การจัดทำสื่อคุณธรรม , รายงานผลการประเมินจังหวัดคุณธรรม และโครงการพัฒนาและสนับสนุนระบบพี่เลี้ยงที่ปรึกษาในชุมชนภายใต้โครงการครอบครัวพลังบวก
ในการนี้ได้พิจารณาคัดเลือกชุมชน องค์กร และอำเภอคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น พ.ศ. 2567 เพื่อรายงานผลต่อคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ให้เป็นไปตามเกณฑ์การประเมินชุมชนคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ต่อไป
ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดอุดรธานี (POC) ชั้น ๔ อาคาร ๒ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี
453047496_805664031761797_3705536925720785744_n

พิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมพระชะตาหลวง(แบบอีสาน)

อธิการบดี มอบหมายให้ อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมกิจกรรมพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมพระชะตาหลวง(แบบอีสาน) เฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส
พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระขนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ประธานสงฆ์โดยท่านเจ้าคุณ(หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต) เจ้าคณะอำเภอหนองวัวซอ (ธ) วัดโนนสว่าง ในวันพฤหัสบดี ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๓๐ น. ณ วิหารเฉลิมพระเกียรติ ฯ วัดโนนสว่าง ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
452559997_805520561776144_4456160465130410385_n (1)

พิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามงกุฎ วิทยมหาราช

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗
อธิการบดี มอบหมายให้ อาจารย์จุรีรัตน์ ทวยสม รองผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามงกุฎ วิทยมหาราช เนื่องในอภิลักขิตสมัย ๒๐๐ ปี นับแต่ทรงพระผนวช ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๘ พรรษา วัดโพธิสมภรณ์(พระอารามหลวง) ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
LINE_ALBUM_อบรมมารยาทไทย ครั้งที่ 3_240725_2

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการมารยาทไทย และการเข้าร่วมในพิธีวันสำคัญ ครั้งที่ ๓

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการมารยาทไทยและการเข้าร่วมในพิธีวันสำคัญ ครั้งนี้ ๓ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ โดยมีนักศึกษา #สาขาวิชาพระพุทธศาสนา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้จำนวน ๘๐ คน ณ อาคารสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
โดยมี อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เป็นวิทยากรฝึกอบรม และบุคลากรสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ร่วมกิจกรรม
452418638_804839965177537_6537788368596634797_n

วันพุธสวมผ้าไทย ใส่บาตรพระ

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมกิจกรรม ” วันพุธสวมผ้าไทย ใส่บาตรพระ” จังหวัดอุดรธานี
วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗ อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการ #สำนักศิลปะและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมกิจกรรมตักบาตรโครงการ “ราชภัฏสวมผ้าไทย ใส่บาตรพระ” ทุกวันพุธ ณ บริเวณด้านหลังพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนร่วมกิจกรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง , สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากอาการประชวร อีกทั้งเป็นการสืบสาน อนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นอันดีงามด้วยกิจกรรมสวมผ้าไทย ใส่บาตรพระ ส่งเสริมให้เห็นความสำคัญในคุณค่าของวัฒนธรรมไทย และเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป
452480880_803816078613259_1924526683671782800_n

พิธีบรรพชาอุปสมบท ๗๓ รูป เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา

วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗ อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมพิธีบรรพชาอุปสมบท ๗๓ รูป เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ณ วัดโนนสว่าง ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี โดยมีพันตำรวจโท ประวุธ วงศ์ลีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มศรอมด็กและเยาวชน ประธานในพิธี
452116293_802216105439923_2993296717046495451_n

พิธีตอนรับสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร

วันศุกร์ ที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗
เวลา ๑๗.๓๐ น.
อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการ
ร่วมพิธีตอนรับสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร
ในการที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะ พระพิพัฒน์วชิราคม วิ. ( เจริญ ฐานยุตโต) ณ วิหาร วัดโนนสว่าง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
oac

ประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ ๔๖ พิจารณาขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” เป็นมรดกโลก

วันศุกร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๓.๓๐ น.
อธิการบดี มอบหมายให้ อาจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ ๔๖ พิจารณาขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” เป็นมรดกโลก
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ ๔๖ พิจารณาขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” เป็นมรดกโลก โดยมีนางรวงทอง พลธิราช วัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ซึ่งคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ กำหนดจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกสามัญ ครั้งที่ ๔๖ (๔๖th Session of the World Heritage Committee) ระหว่างวันที่ ๒๑ – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยมีการพิจารณาขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม”อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เป็นมรดกโลก โดยพื้นที่นำเสนอประกอบด้วยท๒ พื้นที่ คือ (๑) อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และ (๒) แหล่งวัฒนธรรมสีมา
ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ (POC) อาคาร ๒ ชั้น ๔ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี
oac

วันเข้าพรรษา

วันเข้าพรรษา จัดเป็นพิธีกรรมของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา โดยท่านต้องประพฤติปฏิบัติตามพระพุทธบัญญัติ (ข้อที่ตั้งขึ้นให้รู้ทั่วกันการกำหนดเรียก การวางเป็นกฎข้อบังคับ) ที่ทรงวางเป็นระเบียบข้อบังคับให้พระสงฆ์ต้องเขาจำพรรษาในสถานที่ที่ทรงอนุญาตให้เข้าอาศัยอยู่ได้ และพิธีกรรมวันเข้าพรรษานี้ พุทธศาสนิกชนได้มีส่วนร่วมประกอบคุณงามความดีตามหน้าที่ของชาวพุทธ เพื่อช่วยเหลือพระสงฆ์อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งมีประวัติที่น่าสนใจวันเข้าพรรษา เริ่มตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ จนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ เรียกว่า ครบไตรมาส คือ ๓ เดือนนี่เป็นการเข้า “พรรษาต้น”ส่วนการเข้า”พรรษาหลัง”เริ่มตั้งแต่วันแรมค่ำ ๑ เดือน ๙ จนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒
พิธีกรรมของสงฆ์ ก่อนจะถึงวันเข้าพรรษา
พระท่านจะทำการซ่อมแซมเสนาสนะที่ชำรุดทรุดโทรมให้อยู่ในสภาพที่ดีที่ใช้อยู่อาศัยได้ จัดการปัดกวาดหยากไย่ เช็ดถูให้สะอาด สาเหตุที่ต้องกระทำเสนาสนะให้มั่นคงและสะอาด ก็เพื่อจะได้ใช้บำเพ็ญสมณกิจในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวฝนจะรั่วรดอุโบสถ ไหว้พระสวดมนต์เสร็จแล้วจึงกระทำพิธีเข้าพรรษา โดยกล่าวอธิษฐานตั้งใจเพื่ออยู่จำพรรษา ตลอดฤดูฝนในวันของท่านที่ตั้งใจจะอยู่
คำกล่าวอธิษฐานพรรษาเป็นภาษาบาลีว่า “อิมัสะมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ” แปลว่า “ข้าพเจ้าขออยู่จำพรรษาในวัดนี้ ตลอด ๓ เดือน” โดยกล่าวเป็นภาษาบาลีดังนี้ ๓ ครั้ง ต่อจากนั้นพระผู้น้อยก็กระทำสามีกิจกรรม คือ กล่าวขอขมาพระผู้ใหญ่ว่า “ขอขมาโทษที่ได้ล่วงเกินไปทางกาย วาจา ใจ เพราะประมาท”
ส่วนพระผู้ใหญ่ ก็กล่าวตอบว่า ลดโทษให้เป็นอันว่าต่างฝ่ายต่างให้อภัยกัน นับเป็นอันเสร็จพิธีเข้าพรรษาในเวลานั้น ครั้นวันต่อไปพระผู้น้อยก็จะนำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบพระเถรานุต่างวัด ผู้ที่ตนเคารพนับถือ
ความเป็นมาของการเข้าพรรษา
ประวัติพิธีเข้าพรรษาของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนามีเรื่องเล่าว่า ในประเทศอินเดียในสมัยโบราณ เมื่อถึงฤดูฝน น้ำมักท่วม ผู้ที่สัญจรไปมาระหว่างเมือง เช่น พวกพ่อค้า ก็หยุดเดินทางไปมาชั่วคราว พวกเดียรถีย์และปริพาชกผู้ถือลัทธิต่าง ๆ ก็หยุดพัก ณ สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งตลอดฤดูฝน ทั้งนี้เพราะการคมนาคมไม่สะดวก ทางเป็นหลุมเป็นโคลน เมื่อเกิดพระพุทธศาสนาแล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จจาริกเผยแพร่พระศาสนาต่อไป นับเป็นพุทธจริยาวัตรและในตอนแรกที่ยังมีพระภิกขุสงฆ์ไม่มาก พระภิกขุสงฆ์ปฏิบัติประพฤติตามพระพุทธเจ้า ความครหานินทาใด ๆ ก็ไม่เกิดมีขึ้นจึงไม่ต้องทรงตั้งบัญญัติพิธีอยู่จำพรรษา ครั้นพอพระพุทธศาสนาแผ่ขยายออกไปกว้าง พระภิกขุสงฆ์ได้เพิ่มปริมาณเพิ่มขึ้น
วันหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ในกรุงราชคฤห์ มีพระภิกขุ ๖ รูป ฉัพพัคคีย์ แม้เมื่อถึงฤดูฝน ก็ยังพากันจาริกไปมา เที่ยวเหยียบย่ำข้าวกล้าหญ้าระบัด และสัตว์เล็กสัตว์น้อยให้เกิดความเสียหายและตายไป ประชาชนจึงพากันติเตียนว่าไฉนพระสมณศากยบุตรจึงเที่ยวไปมาอยู่ทุกฤดูกาล พากันเหยียบย่ำข้าวกล้าและต้นไม้ตลอดจนทั้งสัตว์หลายตายจำนวนมาก แม้พวกเดียรถีย์และปริพาชก ก็ยังหยุดพักในฤดูฝนหรือจนแม้แต่นกก็ยังรู้จักทำรังเพื่อพักหลบฝน เมื่อความเรื่องนี้ทราบถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงบัญญัติเป็นธรรมเนียมให้พระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษาในที่แห่งเดียวตลอด 3 เดือน คือ ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ ห้ามมิให้พระภิกษุเที่ยวไปค้างคืนที่อื่น หากมีธุระกิจเป็นอันชอบด้วยพระวินัย จึงไปได้ด้วยการทำสัตตาหกรณียะ คือต้องกลับมาที่พักเดิมภายใน ๗ วัน นอกจากนั้นห้ามเด็ดขาด และปรับอาณัติแก่ผู้ฝ่าฝืนล่วงละเมิดพระบัญญัติพิธีการปฏิบัติในวันเข้าพรรษา มีความเป็นมาดังกล่าวนี้
พิธีกรรมของพุทธศาสนิกชน อันเนื่องในวันเข้าพรรษานั้น
พุทธศาสนิกชนมีการกระทำบุญตักบาตรกัน ๓ วัน คือวันขึ้น ๑๔ – ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ และขนมที่นิยมทำกันในวันเข้าพรรษาได้แก่ ขนมเทียน และท่านสาธุชนที่มีความเคารพนับถือพระภิกษุวัดใด ก็จัดเครื่องสักการะ เช่น น้ำตาล น้ำอ้อย สบู่ แปรง ยาสีฟัน พุ่มเทียน เป็นต้น นำไปถวายพระภิกษุวัดนั้น ยังมีสิ่งสักการะบูชาที่พุทธศาสนิกชนนิยมกระทำกันเป็นงานบุญน่าสนุกสนานอีกอย่างหนึ่งคือ “เทียนเข้าพรรษา” บางแห่งจะมีการบอกบุญเพื่อร่วมหล่อเทียนแท่งใหญ่ แล้วแห่ไปตั้งในวัดอุโบสถ เพื่อจุดบูชาพระรัตนตรัยตลอด ๓ เดือน การแห่เทียนจำนำพรรษาหรือเทียนเข้าพรรษาจัดเป็นงานเอิกเกริก มีฆ้องกลองประโคมอย่างสนุกสนาน และเทียนนั้นมีการหล่อหรือแกะเป็นลวดลายและประดับตกแต่งกันอย่างงดงาม
เทศการเข้าพรรษานี้ ถือกันว่าเป็นเทศกาลพิเศษ พุทธศาสนิกชนจึง ขะมักเขม้นในการบุญกุศลยิ่งกว่าธรรมดาบางคนตั้งใจรักษาอุโบสถตลอด ๓ เดือน บางคนตั้งใจฟังเทศน์ทุกวันพระตลอดพรรษา มีผู้ตั้งใจทำความดีต่าง พิเศษขึ้น ทั้งมีผู้งดเว้นการกระทำบาปกรรมในเทศกาลเข้าพรรษา และคนอาศัยสาเหตุแห่งเทศกาลเข้าพรรษาตั้งสัตย์ปฏิญาณเลิกละอายมุกและความชั่วสามานย์ต่าง ๆ โดยตลอดไป จึงนับเป็นบุคคลที่ควรได้รับการยกย่องสรรเสริญและได้รับสิ่งอันเป็นมงคล
หลักธรรมที่ควรปฏิบัติ
ระหว่างเทศกาลเข้าพรรษานั้น พุทธศาสนิกชนนิยมไปวัด ถวาย ทาน รักษาศีล ฟังธรรมและเจริญจิตภาวนา ซึ่งเป็นการเว้นจากการกระทำความชั่วบำเพ็ญความดีและชำระจิตให้สะอาดแจ่มใสเคร่งครัดยิ่งขึ้น หลักธรรมสำคัญที่สนับสนุน คุณความดีดังกล่าวก็คือ “วิรัติ”คำว่า “วิรัติ” หมายถึงการงดเว้นจากบาป และความชั่วต่าง ๆ จัดเป็นมงคลธรรมข้อหนึ่ง เป็นเหตุนำบุคคลผู้ปฏิบัติตามไปสู่ความสงบสุขปลอดภัยและความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปวิรัติ การงดเว้นจากบาปนั้น จำแนกออกได้เป็น ๓ ประการ คือ
๑. สัมปัตตวิรัติ ได้แก่การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ด้วยเกิดความรู้สึกละอาย (หิริ) และเกิดความรู้สึกเกรงกลัวบาป(โอตตัปปะ) ขึ้นมาเอง เช่น บุคคลที่ได้สมาทานศีลไว้ เมื่อถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มสุรา ก็ไม่ย่อมดื่มเพราะละอาย และเกรงกลัวต่อบาปว่าไม่ควรที่ชาวพุทธจะกระทำเช่นนั้นในระหว่างพรรษา
๒. สมาทานวิรัติ ได้แก่การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ด้วยการสมาทานศีล ๕ หรือศีล ๘ จากพระสงฆ์โดยเพียรระมัดระวังไม่ทำให้ศีลขาดหรือด่างพร้อย แม้มีสิ่งยั่วยวนภายนอกมาเร้าก็ไม่หวั่นไหวหรือเอนเอียง
๓. สมุจเฉทวิรัติ ได้แก่การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ได้อย่างเด็ดขาดโดยตรงเป็นคุณธรรมของพระอริยเจ้า ถึงกระนั้นสมุจเฉทวิรัติ อาจนำมาประยุกต์ใช้กับบุคคลผู้งดเว้นบาปความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ในระหว่างพรรษากาลแล้ว แม้ออกพรรษาแล้วก็มิกลับไปกระทำหรือข้องแวะอีก เช่นกรณีผู้งดเว้นจากการดื่มสุราและสิ่งเสพติดระหว่างพรรษากาล แล้วก็งดเว้นได้ตลอดไป เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ