478978158_946438501017682_1251054196394403961_n_946438497684349

วันราชภัฏ

ผู้บริหารและบุคลากร ร่วมงาน “วันราชภัฏ” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีต่อเหล่าชาวราชภัฏทั่วประเทศ เนื่องในโอกาส 14 กุมภาพันธ์ วันราชภัฏ
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 07.00 น. ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคาร 17 สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ผศ.ดร.คณิศรา ธัญสุนทรสกุล อธิการบดี เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป โดยมี กรรมการสภามหาวิทยาลัย คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย แขกผู้มีเกียรติ คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา ร่วมในพิธี
จากนั้นเวลา 08.39 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ผศ.ดร.คณิศรา ธัญสุนทรสกุล อธิการบดี เป็นประธานวางพานพุ่มถวายราชสักการะ จุดเครื่องทองน้อย นำกล่าวคำถวายราชสดุดีน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทรงมีต่อชาวราชภัฏทั้งมวล
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้กำหนดจัดงาน 14 กุมภาพันธ์ วันราชภัฏ เป็นประจำทุกปี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทานนาม “ราชภัฏ” ซึ่งแปลว่า “คนของพระราชา” ให้แก่วิทยาลัยครูทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535 อีกทั้ง ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะวิทยาลัยครู เป็นสถาบันราชภัฏ และพระราชทานพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ให้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำสถาบัน จนกระทั่งได้รับการยกฐานะให้เป็นมหาวิทยาลัย เมื่อปี 2547 เป็นต้นมา
 
477013291_956006333310294_324883755006980804_n

วัดโพธิสมภรณ์ บำเพ็ญกุศล เนื่องในโอกาสสมโภชพระอาราม ครบ ๑๐๐ ปี วัดโพธิสมภรณ์

วัดโพธิสมภรณ์ บำเพ็ญกุศล เนื่องในโอกาสสมโภชพระอาราม ครบ ๑๐๐ ปี วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง ณ ศาลาการเปรียญ วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ เดือน กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน อุทิศถวายอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ บูรพาจารย์ และบุพการีผู้มีอุปการคุณ พระสงฆ์สายกัมกัมมัฏฐาน จำนวน ๕๐ รูป ออกรับบิณฑบาต โดยรอบพระอุโบสถ ท่านเจ้าคุณเมตตามอบของที่ระลึกให้กับผู้ที่มาร่วมบุญในครั้งนี้ด้วย
วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เวลา ๑๙.๐๐ น. พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน อุทิศถวายอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ บูรพาจารย์ และบุพการีผู้มีอุปการคุณ นายพิสิษฐ์ชัย อภัยปิยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และประชาชนร่วมรับฟังพระธรรมเทศนา จากพระราชภาวนาวชิรากร วิ. (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก) เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี
เนื่องในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน อุทิศถวายอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ บูรพาจารย์ และบุพการีผู้มีอุปการคุณ ณ วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
 
หน้าปก ข่าวประชาสัมพันธ์ในเว็ปไซต์

วันมาฆบูชา

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา สัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ประจำปี ๒๕๖๘ อธิการบดี มอบหมายให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ร่วมพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลและสืบสานประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น น้อมถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมี นายณัฐพงศ์ คำวงศ์ปิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธาน ณ วัดมัชฌิมาวาส พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เวลา ๑๙.๐๐น.
วันมาฆบูชา
ประวัติความเป็นมา
วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง สำหรับประวัติวันมาฆบูชา ความสำคัญของวันมาฆบูชา รวมถึงกิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
ความหมายของวันมาฆบูชา
คำว่า “มาฆะ” นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า “มาฆบุรณมี” หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3
การกำหนดวันมาฆบูชา
การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม
ความสำคัญของวันมาฆบูชาและประวัติวันมาฆบูชา
ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์”แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์”
ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อม ๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่
1. วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
2. มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
3. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
4. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ “เอหิภิกขุอุปสัมปทา”
และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” ซึ่งคำว่า “จาตุรงคสันนิบาต” นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ
– จาตุร แปลว่า 4
– องค์ แปลว่า ส่วน
– สันนิบาต แปลว่า ประชุม
ดังนั้น “จาตุรงคสันนิบาต” จึงหมายความว่า “การประชุมด้วยองค์ 4” นั่นเองทั้งนี้วันมาฆบูชาถือว่าเป็นวันพระธรรม ขณะที่วันวิสาขบูชาถือว่าเป็นวันพระพุทธ ส่วนวันอาสาฬหบูชา เป็นวันพระสงฆ์
ประวัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย
พิธีทำบุญวันมาฆบูชานี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีมาในสมัยใด อย่างไรก็ตามในหนังสือ “พระราชพิธีสิบสองเดือน” อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ว่า ประเทศไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศราชวรวิหารและวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร จำนวน 30 รูป ฉันภัตตาหารในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อถึงเวลาค่ำ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์ เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึง และขนมต่าง ๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง
ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบพิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา
นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยประกาศให้วันมาฆบูชา เป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย
หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติในวันมาฆบูชา
หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ “โอวาทปาติโมกข์” ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้น หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้
หลักการ 3 คือหลักคำสอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่
1. การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง อันได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่งความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่วทางกาย (การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดคำหยาบ การพูดเพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม)
2. การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม)
3. การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ ได้แก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัย
ซึ่งทั้ง 3 หลักการข้างต้น สามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์” นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
 
476640275_1074875141108825_3963855218973955309_n

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการ การจัดแสดงผลงานภูมิปัญญาผ้าไทย

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จทอดพระเนตรนิทรรศการ การจัดแสดงผลงานภูมิปัญญาผ้าไทย และงานหัตถกรรมชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเปิดพิพิธภัณฑ์ผ้าอีสาน ISAN TEXTILE MUSEUMงานภูมิปัญญาผ้าไทย และงานหัตถกรรมชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเปิดพิพิธภัณฑ์ผ้าอีสาน ISAN TEXTILE MUSEUM

ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.39 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปยังศูนย์ออกแบบสร้างสรรค์ผ้าและสิ่งทอ (FTCDC) มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ผ้าอีสาน (ISAN TEXTILE MUSEUM) ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ของชุมชน เป็นแหล่งจัดเก็บและรวบรวมสารสนเทศภูมิปัญญาผ้าทออีสาน รวมทั้ง เผยแพร่ภูมิปัญญาศิลปหัตถกรรมสิ่งทอแก่ชุมชน และสร้างเครือข่ายศิลปหัตถกรรมภูมิปัญญาผ้าทออนุภาคลุ่มน้ำโขง
 
ภายในจัดแสดง 4 โซน ประกอบด้วย โซน 1 “ผ้าทออีสาน ชาติพันธุ์ที่ราบสูง” จัดแสดงเรื่องราวเอกลักษณ์ผ้าทออีสาน ผ้าชาติพันธุ์ต่าง ๆ หุ่นแต่งกายผ้าทอตามชาติพันธุ์ในอีสาน และผ้าทอในวิถีและพิธีกรรม, โซน 2 “ผ้าวัฒนธรรมใต้ถุนบ้าน อีสานต่ำหูก” จัดแสดงวิถีวัฒนธรรมการทอผ้าของคนอีสานตั้งแต่การปั่นฝ้าย เลี้ยงไหม สาวไหม สืบหูก การทอผ้า รวมทั้ง กี่ทอผ้าที่มีจำนวนเขามากที่สุด 1,775 เขา, โซน 3 “อุดรธานี : ธานีผ้าหมี่ขิด” จัดแสดงวิถีวัฒนธรรมการทอผ้าขิด ม้วนผ้าหมี่ขิดที่ยาวที่สุดในโลกยาว 1,199 เมตร สื่อสารสนเทศลวดลายผ้าทอ 600 ลาย และผ้าขิดอัตลักษณ์อีสาน, โซน 4 “มูลมังคลังผ้า ภูมิปัญญาอีสาน” จัดแสดงผ้าทรงคุณค่า ภูมิปัญญาอีสาน ผ้าชนะการประกวด กลุ่มผ้าลาว ผ้าภูไท ผ้าแพรวา ผ้าขิด ผ้าซิ่น ผ้าตุ้ม ผ้าแส่ว กลุ่มผ้าเขมร ผ้าปูม ผ้าโฮล และผ้าอัมปรม
 
ทั้งยัง จัดแสดงนิทรรศการความงดงามของแพรวา และมนต์เสน่ห์การแต่งกายของชาวภูไท จังหวัดกาฬสินธุ์ ผ้าตุ้มล้ำค่า แพรวางามวิจิตร ซิ่นภูไทหายาก ผ้าแส่วโบราณกว่า 150 ผืน ด้วย
 
จากนั้น เสด็จไปยังหอประชุมอเนกประสงค์ อาคารกิจกรรมนักศึกษา ทอดพระเนตรนิทรรศการและการจัดแสดงผลงานภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากจังหวัดร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุดรธานี นครพนม บุรีรัมย์ ชัยภูมิ มุกดาหาร หนองบัวลำภู สุรินทร์ มหาสารคาม ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี และสกลนคร รวม 30 กลุ่ม ซึ่งน้อมนำแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” มาพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาผ้าไทยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้ผ้าย้อมสีจากธรรมชาติ ซึ่งวัตถุดิบเกิดจากเส้นใยและพืชพรรณภายในชุมชนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้ง กลุ่มศิลปาชีพ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ กลุ่มผาสาท ผ้าทอลายโบราณ จังหวัดมหาสารคาม จัดแสดงผ้าลายเกร็ดสิริสา เป็นงานผ้าเฉลิมฉลอง 160 ปี เมืองมหาสารคาม โดยนำสีจากหนังสือเทรนด์บุ๊กเพื่อให้ตอบโจทย์กับโลกปัจจุบัน
 
ผ้าไหมมัดหมี่ กลุ่มไหมมีชัย จังหวัดชัยภูมิ นำลวดลายผ้ามัดหมี่ดั้งเดิมผสมผสานลวดลายสร้างสรรค์จากสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ สัตว์เลี้ยงให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น
 
ชุดเครื่องแต่งกายจากขวดน้ำพลาสติก กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสิ่งทอเศรษฐกิจหมุนเวียนบ้านดงเรือง จังหวัดอุดรธานี ใช้นวัตกรรมอัพไซคิ่งเข้ามาจัดการกับขยะพลาสติกในชุมชน พัฒนาเป็นเส้นใยทดแทนฝ้ายในชุมชน
 
ผ้าลายยีนส์ย้อมคราม เทคนิค 3 ตะกอ กลุ่มทอผ้าย้อมครามในจังหวัดสกลนคร ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการดอยกอยโมเดล และเป็น Sustainable Village ที่ได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงรวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมชุมชน และการย้อมคราม มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยมีความเป็นสากล
 
โครงการจัดแสดงนิทรรศการและผลงานภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จัดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดอุดรธานี เป็นจุดดำเนินการที่ 1 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศิลปหัตถกรรมภูมิปัญญาไทยของแต่ละจังหวัด และเพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ผลงานอัตลักษณ์ศิลปหัตถกรรมภูมิปัญญาไทยของกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมทั้ง เพิ่มช่องทางการตลาดในการจำหน่ายผ้าไทยให้คนในชุมชนมีงาน มีอาชีพ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
 
โอกาสนี้ พระราชทานพระวโรกาสให้ สมาชิกมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฝ้าถวายการบ้าน และขอพระราชทานคำแนะนำในการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ แผนกปัก มีรับสั่งให้ออกแบบลายข้าวบาร์เลย์ ปักลงบนผ้าไหม ใช้ไหมน้อยย้อมสีธรรมชาติโปรดให้ทำสีเข้มขึ้น เนื่องจากหากนำไปซักสีจะจางลง ให้ทดลองทำเซ็ตผ้าปูที่นอนขนาด 6 ฟุต และทดลองใช้ผ้าลินิน ผ้าฝ้ายทำปลอกหมอน, แผนกเครื่องปั้นดินเผา ที่พระราชทานคำแนะนำให้เพิ่มลวดลายผ้า ลายดอกไม้ และวิถีชุมชนลงบนผลิตภัณฑ์ให้คำถึงถึงความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์และให้ต่อยอดเป็นที่ใส่เทียนหอม, แผนกทอ ลายรูปทรงต่าง ๆ ต้องให้ลายมีความคมชัด ควรไล่เฉดสีใหม่ หรือ นำสีจากหนังสือเทรนด์บุ๊กมาใช้เพื่อให้เกิดความน่าสนใจและสวยงามทั้งผ้ามัดหมี่และผ้าขิด ทั้งยัง พระราชทานคำแนะนำผลงานออกแบบแก่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยและสถาบันต่าง ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ศึกษาด้านสิ่งทอและแฟชั่น
 
ในการนี้ พระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” แก่ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และผู้ชนะเลิศเหรียญทอง จากการประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายสิริวชิราภรณ์” และงานหัตถกรรม ระดับประเทศ ประจำปี 2567 ซึ่งทรงออกแบบเนื่องในโอกาสที่ทรงได้รับการถวายปริญญาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ ประจำปีการศึกษา 2566 จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทรงศึกษาค้นคว้าลวดลายที่ปรากฏในศิลปกรรมไทยและผืนผ้าโบราณที่เป็นบทบันทึกทางประวัติศาสตร์สะท้อนวิถีชีวิต วัฒนธรรม และธรรมชาติของประเทศไทย ทรงนำมาออกแบบต่อยอดให้โครงสร้างลวดลายมีความร่วมสมัยเป็นสากลหากยังคงสื่อถึงเอกลักษณ์อันงดงามของชาติ
 
โดยประเภทผ้ามัดหมี่ ประกอบด้วย ลายดอกพุดตาล ลายเฟื่องอุบะ และลายขอเจ้าฟ้าฯ 2568 ส่วนประเภทผ้ายก, จก, ขิด และแพรวา ประกอบด้วย ลายดอกพุดตาล ลายมยุรสิริ ลายขอเฟื่องอุบะ และลายขอเจ้าฟ้าฯ 2568
 
จากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการแฟชั่นเส้นใยไหม การทอผ้า การสาวไหม และการทดลองจากแล๊บ โดยศูนย์ออกแบบสร้างสรรค์ผ้าและสิ่งทอ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ที่พัฒนากระบวนการผลิต เส้นใยและสีย้อมธรรมชาติ ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อยกระดับและสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองของชุมชนถิ่นอย่างยั่งยืน โดยศึกษา พัฒนา ส่งเสริม การใช้การผลิตเส้นใยจากเศษเหลือทิ้งจากภาคเกษตรกรรม มีการทดสอบความคงทนของสีเพื่อให้ได้ผ้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล
 
ก่อนเสด็จกลับ ทอดพระเนตรการแสดงศิลปวัฒนธรรมโดยนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ถึง 4 จากคณะครุศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ การแสดงออกเป็น 2 ช่วง คือ โชว์วง และลำเพลิน เป็นการโชว์ที่นำนางไหและกั๊บแก๊ป ที่เป็นนักแสดงตัวเอกของวงโปงลางมาฟ้อนตามแบบฉบับของอีสาน ประกอบเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน
 
475702137_937086871952845_6270180592301928562_n

ร่วมงานแถลงข่าวการจัดงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมแถลงข่าวการจัดงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง และบริเวณริมบึงนาคำ ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๘.๐๐ น.
อธิการบดี มอบหมายให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ร่วมงานแถลงข่าวการจัดงานเฉลิมฉลองมรดกโลกบ้านเชียง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง และบริเวณริมบึงนาคำ ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
โดยมี นายณฐพล วิถี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการแถลงข่าว ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
โดยมีประเด็นการแถลงข่าว ดังนี้
การจัดงานในปีนี้เป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ จ.อุดรธานี มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและไมซ์ในระดับนานาชาติ มีกิจกรรมที่หลากหลายทั้งกลางวัน และกลางคืน ตลอดการจัดงานให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและเยี่ยมชม “ความเป็นอุดรธานี” ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมด้านวิชาการที่มีการถ่ายทอดองค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง กิจกรรมการแสดงศิลปะและวัฒนธรรม
การประกวดและการแข่งขันต่างๆ มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์มากมาย โดยมีไฮไลท์ในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เวลา ๑๖.๐๐ น. เป็นต้นไป จะได้พบกับขบวนแสดงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมมรดกโลกบ้านเชียง อ.หนองหาน ที่สวยงาม ตระการตา ซึ่งในปีนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ สนง.วัฒนธรรม จ.อุดรธานี ได้ร่วมนำเสนอ วัฒนธรรมไทพวน ๒ มรดกโลก คือ มรดกโลกบ้านเชียง และ มรดกโลกภูพระบาท ภายใต้ขบวนชื่อ “สายใยแห่งวัฒนธรรมไทพวน บ้านเชียงและบ้านผือ” และในช่วงเย็นจะได้พบกับ กิจกรรม “ตุ้มโฮมพาแลง” ลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่นสุดพิเศษจากชุมชนบ้านเชียง
โดยกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ๖ – ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
 
474626259_931357702525762_4474549616539762303_n

ร่วมการประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียงประจำปี 2568

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เข้าร่วมการประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียงประจำปี 2568
วันที่ 23 ม.ค. 2568 เวลา 13.30 น.อธิการบดี มอบหมายให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียง ประจำปี 2568 ณ ห้องประชุมกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ชั้น 5 อาคาร 1 ศาลากลาง จ.อุดรธานี โดยมี นายณฐพล วิถี รอง ผวจ.อุดรธานี เป็นประธานการประชุมฯ นางรวงทอง พลธิราช วัฒนธรรม จ.อุดรธานี พ.ต.สุเมธ คำพิมาน นายก ทต.บ้านเชียง หัวหน้าส่วนราชการ หอการค้า จ.อุดรธานี คณะกรรมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียง ประจำปี 2568 และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟัง
วาระการประชุมที่สำคัญ ประกอบด้วย เรื่องประธานแจ้งที่ประชุมทราบ จ.อุดรธานี ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายตามแผนปฏิบัฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โครงการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ จ.อุดรธานี มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องที่ยวและไมซ์ในระดับนานาชาติ กิจกรรมที่ 1 ส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียง ประจำปี 2568 วงเงินงบประมาณ 1,655,200 บาท ให้สำนักงานวัฒนธรรม จ.อุดรธานี ร่วมกับภาคีเครือข่าย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียง ประจำปี พ.ศ.2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้แหล่งมรดกโลกบ้านเชียง รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวอื่นในจังหวัดเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ตลอดจน เพื่อปลุกจิตสำนึกของประชาชนให้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของแหล่งมรดกโลก ก่อให้เกิดการอนุรักษ์ สืบสาน วัฒนธรรม ประเพณี ให้เป็นสมบัติคู่บ้านคู่เมืองตลอดไป เรื่องรับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว-ไม่มี เนื่องจากเป็นการประชุมครั้งแรก เรื่องเสนอเพื่อทราบคำสั่ง จ.อุดรธานี ที่ 451/2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียง ประจำปี 2568 ภายใต้โครงการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ จ.อุดรธานี มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและไมซ์ในระดับนานาชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568 จำนวน ๑๖ คณะ ประกอบด้วย 1. คณะกรรมการอำนวยการ 2. คณะกรรมการฝ่ายกำกับดูแลพิธีเปิดงาน 3. คณะกรรมการฝ่ายอำนวยการจัดการแสดง แสง สี เสียง สื่อ 4. คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ วิจัย และนิทรรศการ 5. คณะกรรมการอำนวยการฝ่ายจัดขบวนแห่ “วิถีชีวิตและวัฒนธรรมบ้านเชียง อ.หนองหาน” 6. คณะกรรมการฝ่ายอำนวยการการจัดพาแพลงในพิธี 7. คณะกรรมการฝ่ายจัดกิจกรรมสาธิตภูมิปัญญาพื้นถิ่น 8. คณะกรรมการฝ่ายจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมและงานมหรสพ 9. คณะกรรมการฝ่ายจัดการแสดงวิถีชีวิต “วิถีคน วิถีควาย มรดกไทย มรดกโลก” 10. คณะกรรมการฝ่ายจัดสถานที่และภูมิทัศน์ 11. คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย 12. คณะกรรมการฝ่ายจัดการจราจร ความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อย 13. คณะกรรมการฝ่ายการพยาบาล 14. คณะกรรมการฝ่ายจัดการสาธารณูปโภค 15. คณะกรรมการด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ และ 16. คณะกรรมการด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ เรื่องกำหนดจัดงานแถลงข่าว ในวันศุกร์ที่ 31 ม.ค.2568 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เรื่องการจัดกิจกรรมขบวนพาเหรด การจัดนิทรรศการ การจัดกิจกรรมภายในงาน เรื่องเสนอเพื่อพิจารณากำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมรดกโลกบ้านเชียง ระหว่างวันที่ 6 – 9 ก.พ.2568 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ลานวัฒนธรรมบ้านเชียง และบริเวณริมบึงนาคำ ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี การจัดกิจกรรม พาแลง เป็นต้น
 
473079597_1055287056400967_8433865008338692349_n

ทำบุญใส่บาตร เสริมมงคลปีใหม่ ๒๕๖๘

สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จัดกิจกรรมทุกบุญตักบาตร โครงการ “ทำบุญใส่บาตร เสริมมงคลปีใหม่ ๒๕๖๘” กิจกรรมในวันที่ 13 มกราคม 2568 ณ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เวลา 07.20 น.

โดยมี ผศ.ดร.ชาติชาย ม่วงปฐม รองอธิการบดี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ผศ.ดร.ธีระยุทธ์ เพ็งชัย รองอธิการบดี คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรในวันนี้ ณ บริเวณหน้าสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ประเพณีวันขึ้นปีใหม่ และเพื่อเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า จึงนิยมให้มีการทำบุญตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่ ต้อนรับปีใหม่ หรือคำอวยพรต่างๆ และสิ่งดีๆให้แก่กัน ดังนั้นเพื่อเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในการมีส่วนร่วมการจัดกิจกรรมทางศาสนาทำบุญตักบาตร เพื่อความเป็นสิริมงคลรับพรปีใหม่ เพื่อเสริมสร้างความสุขความเจริญตามหลักศาสนาพุทธ โดยได้รับความกรุณาจากท่าน พระราชสารโกศล (วงศ์ไทย สุภวํโส) เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง (ธรรมยุต)

#oac #udru #culture #สำนักศิลปะและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี #ราชภัฏอุดรธานี

473189257_922450996749766_4243975586624659451_n

การประชุมคณะทำงานบริหารตราสัญลักษณ์เครื่องหมายบริการสินค้าจังหวัดอุดรธานี (Udonthani Brand) ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย

วันนี้ (10ม.ค.68) เวลา 13.30 น. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้รับมอบหมายเป็นประธานในที่ประชุมคณะทำงานบริหารตราสัญลักษณ์เครื่องหมายบริการสินค้าจังหวัดอุดรธานี (Udonthani Brand) ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย มีคณะทำงานฯ จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมประชุม ที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี
การประชุมคณะทำงานบริหารตราสัญลักษณ์เครื่องหมายบริการสินค้าจังหวัดอุดรธานี (Udonthani Brand) ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย เพื่อร่วมกันพิจารณาผู้ยื่นคำขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์เครื่องหมายบริการสินค้าจังหวัดอุดรธานี โดยมีผู้ยื่นคำขอจำนวน 4 ราย ประกอบด้วยเสื้อผ้าสำเร็จรูป, ผ้ามัดหมี่ย้อมคราม, เสื้อผ้าสำเร็จรูป ชาย-หญิง และเสื้อผ้าสำเร็จรูปผู้หญิง โดยมีหลักเกณฑ์การพิจารณา ประกอบด้วย ภูมิปัญญาท้องถิ่น/เอกลักษณ์/อัตลักษณ์ เฉพาะถิ่น, มาตรฐานผลิตภัณฑ์, รูปแบบบรรจุภัณฑ์, ความประณีตสวยงาม, มีแหล่งผลิตในจังหวัดอุดรธานี หรือผลิตขั้นตอนสุดท้ายในจังหวัดอุดรธานี, ความเป็นมาของผลิตภัณฑ์ (Story) และข้อแนะนำในการใช้
 
472840521_921759566818909_5075067456028147514_n

พิธีเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนาถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนาถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๖.๐๐ อธิการบดี มอบหมายให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี พร้อมด้วย ดร.ศิลปชัย เจริญ รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ฯ และคณาจารย์ ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์เจริญจิตตภาวนาถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา โดยมี นาย ณัฐพงศ์ คําวงศ์ปิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานประกอบพิธี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน ณ วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.อุดรธานี
 
472787949_920968126898053_6145045561605913682_n

พิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
วันพุธที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ น.
พิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ๘ มกราคม
นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธาน (ฝ่ายฆราวาส) ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ๘ มกราคม มีพระพิพัฒน์วชิราคม วิ. (เจริญ ฐานยุตฺโต) เจ้าคณะอำเภอหนองวัวซอ (ธ) เจ้าอาวาสวัดโนนสว่าง เป็นประธาน (ฝ่ายสงฆ์)
โดยมี คณะอัยการ ศาล ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ, ภาครัฐ เอกชน,องค์การปกครองส่วนท้อง,ผู้นำชุมชน , กำนัน, ผู้ใหญ่บ้านและประชาชน ร่วมในพิธี
ในการนี้ อธิการบดี มอบหมายให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระพีพรรณ จันทรสา ผู้อำนวยการ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ร่วมในพิธี
ณ วิหารเฉลิมพระเกียรติ วัดโนนสว่าง ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี